ในช่วงหน้าฝน โรคไข้หวัดใหญ่ มักแพร่ระบาดหนัก ยิ่งโดยเฉพาะช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ทันสังเกตว่าลูกป่วยเป็นไข้หวัดทั่วไป หรือไข้หวัดใหญ่ วันนี้เรามีบทความดี ๆ เกี่ยวกับโรคระบาดนี้มาฝาก เพื่อให้คุณแม่ได้รู้จักอาการของไข้หวัดใหญ่ พร้อมวิธีการดูแล และรักษาตัวเองเบื้องต้นค่ะ
โรคไข้หวัดใหญ่ สาเหตุมาจากอะไร?
ไข้หวัดใหญ่ เกิดจากร่างกายได้รับเชื้อไวรัสกลุ่ม Influenza Virus ที่ได้แพร่ผ่านทางประสาทสัมผัสต่าง ๆ โดยเชื้อไวรัสชนิดนี้จะแพร่กระจายอยู่บนอากาศ เมื่อร่างกายได้หายใจรับอากาศ หรือรับของเหลวที่มีเชื้อปะปนอยู่ไม่ว่าจะเป็น อาหารการกิน การสัมผัสเลือด น้ำเหลือง และน้ำหล่อลื่นที่ตาโดยตรง ก็จะทำให้เชื้อเหล่านี้ เข้าสู่ร่างกายจนเป็นโรคไข้หวัดใหญ่นั่นเอง อย่างไรก็ตามการติดเชื้อขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ไวรัสด้วย บางสายพันธุ์สามารถติดต่อจากสัตว์สู่คนได้ ทำให้ไข้หวัดใหญ่จึงมีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดในปศุสัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่ใกล้ชิดกับคน
ไข้หวัดกับไข้หวัดใหญ่ต่างกันอย่างไร?
อาการของไข้หวัดทั่วไป และไข้หวัดใหญ่มักมีลักษณะใกล้เคียงกัน จนทำให้คุณแม่หลายคนสับสน และไม่ทันสังเกต แต่ผู้ป่วยมักแสดงอาการที่แตกต่างกันบ้าง โดยสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
ไข้หวัด
- อาการจะค่อย ๆ แสดงทีละน้อย
- มีอาการในระบบหายใจ เช่น ไอ จาม คัดจมูก เจ็บคอ และมีเสมหะ
- สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทั่วไป แม้มีอาการป่วยก็ตาม
ไข้หวัดใหญ่
- เกิดอาการเฉียบพลัน รุนแรงกว่าไข้หวัดทั่วไป
- มีไข้สูง อ่อนเพลีย ร่วมกับอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
- รู้สึกเพลียมากกว่าไข้หวัดทั่วไป ต้องการพักผ่อนมากกว่าปกติ
ประเภทของไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดใหญ่ที่พบได้ในมนุษย์ ได้แก่ สายพันธุ์ A B และ C
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A
ไวรัสชนิด A เป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรง และอันตรายมากที่สุด สามารถติดต่อจากสัตว์สู่คน และจากคนไปสู่คนได้ ผ่านทางการไอ จาม หรือหายใจอากาศที่มีเชื้อไวรัสกระจายอยู่ โดยไวรัสชนิดนี้สามารถแพร่ระบาดได้อย่างเป็นวงกว้าง และรวดเร็ว
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B
ไวรัสชนิด B สามารถแพร่ระบาดตามฤดูกาลที่อากาศเอื้ออำนวย เช่น ฤดูหนาว และฤดูฝน ซึ่งอาจแพร่ราดในระดับภูมิภาคได้
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C
ไวรัสชนิด C เป็นสายพันธุ์ที่ติดเชื้อทางระบบหายใจที่ไม่รุนแรง มีอาการป่วยเล็กน้อยหรือไม่ป่วยเลย และไวรัสชนิดนี้ ไม่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาด
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ D
ไวรัสชนิด D เป็นการติดเชื้อที่พบได้ในสัตว์เท่านั้น ยังไม่มีการพบการติดเชื้อจากคน
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่จะมีอาการคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป แต่จะส่งผลกระทบต่อร่างกายได้มากกว่า โดยจะมีไข้สูง ไอ จาม เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ และอ่อนเพลีย ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสียด้วย นอกจากนี้ผู้ป่วยยังมีอาการแบบอื่น ๆ แทรกซ้อนขึ้นอยู่กับร่างกาย อายุ และโรคประจำตัวของแต่ละบุคคล
- มีไข้สูงมากกว่า 39-40 องศา
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- อ่อนเพลีย
- ไอ จาม เจ็บคอ
- คออักเสบ
- คลื่นไส้ อาเจียน
- หนาวสั่น
- เบื่ออาหาร
การรักษาไข้หวัดใหญ่
โดยปกติแล้ว ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่สามารถรักษาเองได้ หากผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง สามารถพักผ่อนอยู่ที่บ้าน และรักษาตามอาการได้ หากผู้ป่วยมีไข้สูง ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว และทานยาลดไข้พาราเซตามอล พยายามหลีกเลี่ยงการทานยาแอสไพริน ดื่มน้ำพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารอ่อน ๆ และไม่ควรออกกำลังกาย อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง เช่น มีไข้สูงมาก หายใจลำบาก แน่นหน้าอก หน้ามือ และมีอาการขาดน้ำ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เกิดขึ้นได้
การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
- ล้างมือบ่อย ๆ : การล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำ สบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ สามารถช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้
- ไม่ใช่สิ่งของร่วมกับผู้อื่น : พยายามหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะเด็ก คุณแม่ควรแยกสิ่งของเครื่องใช้ให้เขาเป็นพิเศษ เช่น แก้วน้ำ หลอดน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดหน้า และผ้าเช็ดตัว เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย : ควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิด และคลุกคลีอยู่กับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ หากมีเหตุจำเป็น ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อลดอัตราในการติดเชื้อ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ : การรับประทานอาหารที่ปรุงสุก และอาการมีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ไข่ และนม ร่วมกับการใช้ช้อนกลาง ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้
- ดูแลสุขภาพ : ในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย คุณแม่ควรดูแลสุขภาพตัวเอง และลูกเป็นพิเศษ โดยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายบ่อย ๆ และดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด : พยายามไม่เข้าใกล้สถานที่ที่มีผู้คนแออัด และอากาศถ่ายเทไม่สะดวก เพราะอาจเป็นแหล่งแพร่กระจายของเชื้อไวรัสได้เป็นอย่างดี
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ : คุณแม่สามารถพาลูกฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ โดยให้พาเขาไปฉีดวัคซีนป้องกันตั้งแต่อายุ 6-19 ปี
โรคไข้หวัดใหญ่ อาจเป็นโรคที่สามารถแพร่ระบาดได้ง่าย แต่คุณแม่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลตัวเอง และลูกให้แข็งแรง พยายามรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการไปในสถานที่แออัด หรือพบปะผู้ป่วย เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับเชื้อจนเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้นมาได้
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
โรคหัด คืออะไร อันตรายหรือไม่ หากลูกเป็นโรคหัดควรทำอย่างไร?
โรคอีสุกอีใส เกิดจากอะไร อาการแบบไหนที่แสดงว่าลูกเป็นอีสุกอีใส?
รู้ทัน “วัณโรค” โรคติดต่อจากเชื้อแบคทีเรีย สาเหตุ อาการ และวิธีการรักษา